27.8.51

เรื่องเล่าของพี่ชิน

วันนี้แม่ขอพักจากเรื่องของน้องตรัยมาเป็นเรื่องของพี่ชิน ที่แม่คิดว่าเป็นเรื่องที่น่่ารักดี มาเล่าสู่กันฟัง

เพราะสิืบเนื่องจากพี่ชินเค้ามีพฤติกรรมที่คนในบ้านจะเป็นอันที่รู้กันว่า คุณเธอนั้น นอกจากจะมองเรื่องกินเป็นหลักแล้ว

อีกอันที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือเรื่องของความประหยัด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ งก นั่นเอง

เรื่องมีอยู่ว่า 18 ตุลา ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดของพี่กลาง ด้วยความที่รักพี่(หรือเปล่าก็ไม่ทราบ) พี่ชินก็เลยอยากหาของขวัญ

ก็คือ(ไบโอนิเคิล) ที่ตัวเอง สามารถเล่นได้ด้วยให้พี่กลาง(บอกแล้วคนมันงก) แต่ไม่อยากที่จะจ่ายเงินเอง ช่วงนี้ก็เลยต้องมองหา

ช่องทางทำมาหากิน โดยการ รับจ้างล้างจานที่บ้าน (มื้อละ 50 บาท) ที่แรกแม่ก็เข้าใจว่าพี่ชินเกิดขยันอยากจะช่วยทำงานบ้าน

ที่ไหนได้ เล่นเอาซะแม่จนเลย

เพราะต้องจ่ายทุกวัน วันละ 100บาท(2 ครั้ง) จนตอนนี้สามารถถอยเจ้าไบโอนิเคิลได้ตั้ง 3 ตัวแล้ว(ตัวละ650 บาท)

แต่เห็นความตั้งใจแล้วก็น่ารักดีก็เลยเอามาบอกเล่าเก้าสิบสู่กันฟัง

ไหน ๆ แล้วก็ตามด้วยเรื่องของเจ้าตรัยนิหนึ่งละกัน วันนี้น้องตรัยก็เป็นเด็กดี อีกเช่นกัน (ไม่รู้ว่าแม่หรือว่าตรัย)

สามารถควบคุมตัวเองได้ไม่ค่อยอาละวาดแล้ว เล่นของเล่นกับแม่ได้นานขึ้น(ครึ่งนาทีแม่ก็ชมลูกตัวลอยแล้วค่ะ) แตะบอลได้เยอะขึ้น

และยอมให้แม่จูงมือแต่ดดยดีโดยไม่สะบัดเลยจนถึงที่บ้าน เวลาเราสอนหรือบอกให้พูดอะไรก็เริ่ิมพูดตามได้อาจจะไม่ทุกคำ

แต่รู้ว่าเจ้าลูกชายก็พยายามที่จะออกเสียงพูดตามทุกคำ(ที่สนใจ)


ดีใจจัง วันนี้ได้เจ้าตัวเล๊กได้ศัพท์ใหม่อีก คือ ขึ้น(บันได) ปีน ใบไม้(แต่ออกเสียงยังไม่ชัด) เป่า โป่ง เล่น รวมแล้วตั้ง 5 คำแน่ะ

ยอดเลยครับลูกชาย



แม่ลูก 3

25.8.51

เรืื่องของเจ้าตัวเล๊ก

วันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แม่พาน้องตรัยไปหาหมอหรือพาไปเพื่อเข้ารับการกระตุ้นพัฒนาการ ที่โรงพยาบาลมโนรมย์ แม่คิดว่า

น้องต้องอาละวาดเหมือนครั้งที่พาไปบ้านครูอ้อแน่เลยเพราะน้องไม่ค่อยชอบอยู่ในห้องหรือที่แคบ ๆ กลับก็แปลกใจ เพราะสามารถ

อยู่ในห้องกับแม่และครูอุ๊ได้ครบชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะเล่นบ้างหรือร้องโวยวาย(แบบไม่ตั้งใจ)บ้าง แต่ก๊ถือว่าสอบผ่าน(สำหรับแม่นะ)ก็คิดดูสิ ขนาด

ตอนที่ไปคุยกับหมอจอม(ที่มโนรมย์เหมือนกัน) ยังต้องออกไปคุยกันนอกห้องบ้าง ที่สนามบ้างหรือปล่อยให้น้องเดินเล่นไปเล่นมาวิ่งไปมา

จะบอกว่าของเล่นถูกใจก็คงไม่ใช่เพราะที่บ้านก็มีเยอะกว่า ดีกว่า ต่างกับตอนที่บ้านครูอ้อเพราะวันนั้น ในหนึ่งชั่วโมงแม่ได้ยินเสียงตรัยร้อง

ประมาณ 50 นาที่ อันนี้พี่ีมิลค์กันพี่เจนเป็นพยานได้ แม่ไม่ได้บอกว่าบ้านครูอ้อไม่ดีนะ แต่อาจจะเป็นเพราะ ที่นั่นแม่ไม่สามารถเข้าไปอยู่

กับน้องได้ น้องก็เลยค่อนข้างกลัว แต่พอมาที่นี่่ แม่เข้าไปเล่นกับน้องได้ เข้าไปคุยกับครูได้พร้อม ๆ กับที่ครูกับน้องเล่นด้วยกัน อาจจะเล่น

บ้าง ร้องบ้างแต่ก็เชื่อว่่าน้องก๊คงอุ่นใจมากกว่าที่ต้องเข้าไปโดดเดี่ยว มีบ้างที่บางทีก็ทำหน้าแบบงง ๆ ว่าแล้วแม่มันจะเข้ามาด้วยทำไม(วะ)

เข้ามาแล้วไม่เห็นตามใจเหมือนตอนอยู่ที่บ้านเลย แต่แม่เชื่อว่่าอย่างน้อยเจ้าตรัยมันก็คงอุ่นใจว่า ยังไงแล้วแม่มันก็ไม่ิ้งมันให้อยู่ตามลำพัง

กับครูแน่นอน หลายๆ อย่างแม่ว่าตรัยค่อนข้างทำได้ดีนะ(โปรดพิจารณาเอง เพราะนี้คือความลำเอียงของแม่ที่มีต่อลูก) ไม่ว่าจะเป็นการเล่น

หรือพยายามออกเสียง จะได้บ้างไม่ได้บ้างก็ถึงว่ามีความพยายามอย่างแรงกล้า(พิจารณาอีกหนึ่งรอบ) เพียงแต่ไม่สามารถที่จะเล่นอะไรได้

เป็นเวลานาน หรือเป็นชิ้นเป็นอัน ก็คงต้องค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมทั้งของแม่และลูกไปพร้อมกัน แม่ชอบนะที่ครูบอกกับแม่ว่า อันหนึ่งที่บ้าน

จะต้องพยายามเดาใจเจ้าตรัยให้น้อยลง หรือไม่ต้องไปตามใจให้มาก เพราะแม่เองก็รู้สึกเหมือนกันว่าเจ้าตรัย ค่อนข้างจะเป็นเด็กที่เอาแต่

ใจตัวเองมาก ต่้องเร่ิมให้ตรัยฝึกอดทนที่จะรอ หรือร้องขอก่อน เพราะนอกจากจะเป็นการที่พยายามในเรื่องการสื่อสารให้คนอื่นได้รัยรู้

แล้วยังได้ในส่วนของระเบียบ วินัย การรู้จักรอ เห็นมั้ย ทริกง่าย ๆ แค่นี้ แม่ก็ต้องจ่ายตังค์ถึงชั่วโมงละ 800 แหน่ะ แถมยังไม่รู้ว่าจะต้อง

จ่ายอีกนานแต่ไหน เฮ้อ เจ้าตรัยเอ๋ย (ที่จริงหน่ะแม่เองจ้ะ)เรื่องกล้วย ๆ ก็ทำให้เป็นเรื่องหินไปได้


อ้อเกีือยลืมครับ วันนี้น้องครัยเรียกพี่มิลค์ได้แล้วนะ พี่มิลค์ดีใจใหญ่ คนที่เศร้าก็ยังคงเป็นแม่เพราะเป็นคนเดียวในบ้านที่น้องไม่ยอม

เรียกแม่สักที่ แต่คิดอีกทีอาจเป็นเพราะน้องตรัยเค้ารู้ว่าคำว่าแม่นั้นยิ่งใหญ่แต่ใหนก็เลยไม่ยอมเรียกเล่น ๆ โดยที่ไม่รู้ความหมายที่แท้จริง

ก็ได้นะ ใช่มั้ยจะเจ้าวายร้ายตัวน้องของแม่





รักหมาสามตัวที่สุดในโลก(แต่บางที่ก็น้อยกว่าการที่ได้กินกาแฟสตาร์บัคส์)

แม่

24.8.51

ก้าวหน้าของน้องตรัย

อีกวันหนึ่งนะครับกับเรื่องของน้อง วันนี้น้องตรัยทำอะไรบ้าง วันนี้แม่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งมืดมากก็คือ ตี 5 เพราะต้องไปรับ พ่อพี่กลางพี่ชินที่สนามบิน แม่บอกยายลักษณ์ตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วว่า พอแม่ ออกไปให้ยายช่วยมานอนเป็นเพื่อนเจ้าตัวเล็กหน่อย แต่เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยครับ พอแม่ตื่นขึ้นมาแปรงฟัน(ไม่ได้อาบนำ้)ก้เจอเจ้าตัวร้ายลืมตาแป๋ว แม่ก็คิดว่าแม่ตาฝาด เพราะไม่ได้เปิดไฟ(กลัวน้องตื่น)แม่ก็เลย ต้องกลับไปนอนต่อเป็นเพื่อนน้อง คิดว่าน่าจะหลับ พอสักพักแม่ก้เดินออกไปแต่งตัว ปรากฏว่าน้องร้องตาม ยายก็เลยต้องเข้ามาช่วย แม่ แม่แต่งตัวเสร็จก้ยังไม่หยุดร้อง แต่แม่ก็ออกจากบ้านไป คิดว่ายังไงเดี๋ยวก็คงหลับต่อเพราะยังเช้ามาก และคิดว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับมา เพราะเครื่องฃงตอน ประมาณ 6 โมงเช้่้า ปรากฎเครื่อง ดีเลย์ ลงประมาณ 6.40 น. กว่า 3 คนพ่อลูกจะออกมาก็เกีือบ 7.20 กลับมาถึงบ้าน ตกใจ เพราะน้องไปเดินเล่นกับยาย กลับมาเรียบร้อย ประมาณ 10 โมงเช้า น้องตรัยก็เลยเกิดอาการ งอแงนิดหน่อยต้องเอาเข้านอน คราวนี้นอนได้เกือบ 3 ชั่วโมง บ่ายพอ ทานข้าวเสร็จแม่ก็เลยคุยกับพวกพี่ ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้อง น้องต้องการความชั่วยเหลืออะไรบ้าง อะไรที่ต้องคอยดูแล ซึ่งก็น่า ชื่นใจ เพราะทุกคนก็ยินดีที่จะช่วยน้อง ตอนเย๊นพี่กลางอยากไปทานอาหารที่เซ็นทรัลเวิร์ด ก็เลยพากันออกไป น้องตรัย ดีใจมากที่ได้ออกบ้าน พูดไม่หยุดเลย เราก็เลยคิดว่าน้องเค้าดีใจที่เห็นพวกพี่ ๆ กลับมา แต่ตอนที่ทานอาหาร ตรัยก็อาละวาด เหมือนกันไม่ยอมหยุด ไม่ยอมนิ่ง ต้องพาเดิน ออกไปนอกร้านตลอด แต่ก็ทานอาหารได้พอสมควร แต่ทาน ไอติมเยอะมาก กลับมาถึงบ้าน ตอนประมาณ 3 ทุ่ม วันนี้โดยรวมแล้ว ตรัยก็ยังน่ารักปกติเหมือนเดิม หรือเป็นเพราะว่าวันนี้แม่ค่อนข้างจะยุ่งก่็ไม่ทราบก็เลย เหมือน กับว่า ตรัย ก้ไม่ค่อยสนใจแม่เหมือนกัน ไม่เป็นไรครับเพราะเราก็ยังมีเวลาที่จะเรียนรู้กันไปตลอด มันอาจจะดี บ้าง แย่บ้าง หงุดหงิดบ้าง อารมณ์ดีบ้างหรือพอใจ ไม่พอใจบ้าง แต่มันก็จะทำให้เราได้เข้าใจกันได้มากขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย ใช่มั้ยครับ แม่ผู้รักลูกทั้ง 3 เสมอ (ถึงแม้ว่าจะขี้เกียจบ้างเป็นบางที)

ก้าวที่สองของน้องตรัย

กลางชิน ลูกรัก> > วันนี้ก็เช่นกันแม่เร่ิมพาน้องตรัยไปหาหมอ อีกครั้งหนึ่งชื่อว่า หมอจอม ฟังแล้วอย่าเพิ่งตกใจนะครับ เพราะชื่อเสียงของ> > หมอนั้น เป็นจิตแพทย์เด็ก ถ้าเดาไม่ผิดก้ใช่แล้วครับเพราะน้องตรัยมีปัญหาเกีี่ยวกับอาการทางประสาทนิดหนี่ง หรือก้คือ> > มีอาการเข้าข่ายของโรค ออทิสติก นั่นเองไอ้เจ้าชื่อโรคที่น่ากลัวนี้เท่าที่คนทั่วไปรู้จักมันจะน่าตาน่ากลัวมาก โดยที่ไม่่ได้เจาะ> > ลึกลงไปเลยว่ามันมีหลายระดับ มหลายสาเหตุ หลายอาการ แม่เองก็เช่นกัน ก่อนหน้่าที่จะเร่ิมสังเกตอาการของน้องตรัย แม่> > ก็คิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่าจะเป็นไปได้ไงเพราะลูกชั้นไม่ได้ หน้าตาน่ากลัว อาการก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนที่เคยได้รู้จัก เคยได้ยิน> > ได้ฟังมา แต่พอมาเริ่มสังเกตอาการของน้องตรัยก๋เริ่มรู้ว่า มันน่าจะมีหลายระดับ หลากอาการแตกต่างกันออกไป เพราะ> > เมื่อยอมรับกับตังเองว่าตรัยเริ่มเข้าข่ายก็รู้สีกว่ามัีนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่ได้รุนแรงอย่างที่เห็น ไม่ได้หนักจนแก้ไขไม่ได้> > แล้วแม่ก็เชื่อด้วยว่า ด้วยอาการที่ตรัยเป็นอยู่ พวกเราสามารุถที่จะช่วยกันแก้ไข และปรับปรุงได้อย่างไม่ลำบากอะไรเลยแถมอะไร> > รู้มัยแม่ก็ยังรู้สึกว่าตรัยมันก็น่ารักเหมือนเดิม และไอ้เจ้าอาการที่ว่าก็น่ารักตามเจ้าตรัยไปด้วย ไม่ว่าเจ้าตรัยมันจะส่งเสียงสำเนียง> > เป็นภาษามะนาวต่างดุด(ที่แสนจะไพเราะ สำหรับแม่) หรือมันจะเอะอะโวยวาย ร้องให้ฟูมฟายน้ำตาไหลราด จูงมือจูงแขนกาหมา> > หรือไก่หรือจะอะไรก็ตาม เออนะ มันกีแปลกดี> > > แต่อันหนึ่งที่แม่เองลืมนึกถึงไปว่า ตัวแม่เองนั้น ด้วยการที่ตำรงตำแหน่งแม่บ้านมาเป็นเวลานาน(จริง ๆ แล้วมันก็คือคนที่ขึ้> > เกียจไม่ยอมทำงานต้องอาศัยคนอื่นเค้ากิน หรืออาศัยบุญลูกโดยเกาะสามีกินนั่นแหละหรืออีกนัยหนื่งก็คือแม่บ้านอันทรงคุณค่า> > ที่ต้องขึ้นหิ้งไว้บูชา)ก็เลยไม่ได้มีการคบค้าสมาคมกับผู้ใด นอกจากกลุ่มแม่บ้านด้วยกัน ไม่มีกลุ่มพ่อค้ามาสนับสนุน ไม่มีกลุ่มเซลล์> > มากราบไหว้บูชา ไม่มีกลุ่มคนต้องมาขอขมาลาโทษ(ขอโทษครับขอค่ำปรึกษา) ไม่มีกลุ่มเพื่อนเพื่อเอาไว้รักษาหน้่าตา ก็เลยไม่รู้สึก> > โกรธหรืออายหรือต้องหาสาเหตุที่มันเป็นมา หรือเกิดขัึ้น นี่พูดุถึงตัวแม่เองนะ จากความรู้สึกของแม่เอง แต่ขณะเดียวกันแม่ก็ ลืมไป> > ว่า พ่อนั้นตรงข้ามกับแม่ทุกอย่าง พ่อเริ่มมีชื่อเสียง เริ่มมีกลุ่มสังคมที่นับหน้าถือตา เร่ิมต้องมีผู้ติดตามทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งเสาร์> > อาทิตย์แม้กระทั่งวันหยุดราชการ แม่ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อจะรู้สึกยังไง มีความคิดยังไง ตรงกันกับแม่มั้ย ขณะที่ทางแก้ของแม่นั้่นคื่อ> > นอกเหนือจากการที่น้องตรัยต้องเข้ารับการบำบัดแล้วนั้น อะไรที่แม่ทำได้เช่น กลุ่มเพื่อนที่ให้คำแนะนำเรื่องของอาการหรือ หมอ> > การถามหรือพูดคุยกับคนที่มีประสบการณื หรือกระทั่งการที่พยายามจะให้ทุกคนในครอบครัวโดยที่แม่เป็นหลักเข้ามามีส่วนร่วม> > ตรงนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา (ลูกอย่าได้มองว่าก็แน่แหละเพราะเป็นน่าท่ี่ของแม่ )ที่ต้องให้น้องอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ> > เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ แม่เร่ิมเกิดอาการลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าพ่อจะให้ความร่วมมือกับแม่มั้ย ให้โดยสมำเสมอเป็นประจำ แม่ไม่รู้เหมือนกัน> > ว่าเรียกร้องมากไปหรือเปล่า หรือจะมองเหมือนกับเป็นทุกเรื่องราวที่เกิด ขึ้นในครอบครัวเราที่ไม่ได้มีอะไรสำคัญไปกว่าสิ่งอื่นที่ต้องทำ > > แม่เริ่มเดาใจพ่อไม่ได้แต่สิ่งหนึ่งทที่อยากเห็นมันเกิดก็ืคือ ไม่อยากให้ใครก็ตามทำอะไรเพียงเพื่อรู้สักว่า มันต้องทำเพราะคือหน้า> > ที่ คือความรับผิดชอบที่ต้องมีคือสปิริต ฟังดูแล้วมันอาจจะเลวร้ายนะ หากการที่คนในครอบครัวร่วมกัันทีอะไรก็ตาม ที่มันไม่ได้เกิดจาก> > ความรัก ความรู้สัก แต่ต้องเกิดขึ้นเพียงเพราะหน้าที่และความรับผิดชอบ เท่่านั้น แต่แม่กลับคิดว่า ถ้าเราได้พูดคุยกันก่อนุถึงเรื่องของ> > การแบ่งปันเวลา การแบ่งหรือแชร์ความรู้สึก ก่อนที่จะรูสึกว่าทุกอย่างมันกลายเป็นภาระ > > สิ่งหนึ่งที่แม่อยากจะบอกกับลูกทั้ง 2 ในวันนี้ก้คือ แม่รู้สึกดีนะกับการที่เราเริ่มมองปํญหาน้องตรัยออกเร่ิ่มยอมรับว่าน้องมีปัญหา> > และเริ่มที่จะหาทางแก้ไข ให้กับน้องไม่ว่ามันจะต้องใช้เวลามากน้อย หรืออาจจะยังไม่ตรงจุดจีิง ๆ แต่อย่างน้อยวันนี้ ตรัยก็คงจะดีใจ> > ที่ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะรู้แล้วว่าพวกเราทุก ๆ คนเร่ิมขยับเท้าวิ่งตามน้องตรับไป เร่ิมเอียงหูเพื่อเข้ามาฟังน้องตรับพูด เริ่มที่> > เรียนรู้เรื่องราวโดยผ่านภาษากาย ภาษาใจ ผ่านการสัมผัสมากขี้นถึงแม้ไม่ว่ามันจะใช้เวลานานแต่ไหนก็ตามใช่มั้ยครับ> > > จาก วันนี้ ตรัยน้อยจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อแล้วครับ> > > รักลูกทุกคนครับ> > ป.ล. เที่ยวสนุกยังไงก็อย่าลืมน้องตรัยกับแม่นะครับ> > > > แม่กับตรัยน้อย(ผู้วิเศษ)> > >

เจ้าปัญหาหรือตัวปัญหา

วันนี้น้องตรัยทำอะไรบ้าง แม่รู้สึกว่าเมื่อเราใช้เวลาอยู่กับตรัยมากขึ้น ดูแลตรัยอย่างใกล้ ๆ(แต่ไม่ได้เข้าไปวุ่นวาย) แม่กลับรู้สึกว่า

ตรัยเข้าใจอะไรได้งายกว่าที่เราคิด รับรู้ได้เร็วกว่าที่เราประเมิน แม่ก็ต้องกลับมานั่งคิดว่า แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าตรัยเค้าก็มีวิธีการ

ต่อรองและเรียกร้อง(ในสิ่งที่เค้าควรจะได้รับ) ในแบบของเค้าที่พวกเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่และอวดอ้างตัวเองผ่านอะไรมามาก เห็นอะไรมาเยอะ

แต่แท้จริงแล้วไม่รู้และไม่เข้าใจในตัวเจ้าตรัยเลยก็เลยมองว่าเจ้าตัวเล็กมีปัญหา มีพฤติกรรมแปลก ๆ เฮ้อ แม่ก็เลยชักกลุ้มใจว่า ไป ๆ มา ๆ

แล้ว แม่น่าจะเป็นตัวปํญหาสำหรับเจ้าตรัยซะเอง เป็นคนสร้างปัญหาให้กับลูกโดยไม่รู้ตัว ตรัยเองก็คงจะมองแม่แบบแปลก ๆ เหมือนกัน เพราะ

พอแม่เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง น้องก็จะต้องเข้าใกล้ ๆ แม่ เข้ามาจับมือ จูงแขน เหมือนกับว่าจะไม่ยอมปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวจะได้ไม่สับสน

เออแหน่ะ แปลกจัง แม่ก็ไม่เข้าใจหรือว่าเจ้าตรัยมันก็สัยสนตัวมันเหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงแม่ก็ต้องขอบคุณนะ ที่มันทำให้แม่เองรู้สึกได้

ว่าอะไรก็ตามเมื่อมันเกิดขึ้น อย่างหนึ่งเลยที่ต้องทำก้คือการที่ต้องใช้ใจดูแลซึ่งกันและกัน มันก็สามารถสร้างภูมิที่แข็งแกร่งขึ้นมาโดยที่เราจะ

ไม่ต้องมากังวลอีกต่อไปว่า เราจะต้องเผชิญกับปัญาอะไรอีกต่อไป หรือหนักแค่ใหน

ณ วันนี้ ไม่ว่าแม่จะเป็นคนสร้างปัญหา หรือตรัยน้อยเป็นเด็กมีปัญหา แต่อันหนึ่งที่รู้คือ มือของแม่กับมือของน้องตรัย เราสามารถสัมผัสถึง

กันได้ รับรู้ถึงอารมณ์ของกันได้ ตลอดเวลา ขอบคุณมากครับตรัย กับบทเรียนที่ตรัยให้แม่มา แต่อย่างน้อยบทแรกนี้มันก็สอนให้แน่ต้องเปิดใจ

เพื่อที่จะเรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกับตรัย ไม่น่าจะใช้เวลานานแค่ไหน แต่มันก็จะเป็นเวลาที่เราต้องใช้ร่วมกันตลอดไปครับ

รักลูกครับ

แม่ของน้องตรัย



ได้

ก้าวแรกของลูกชาย

หวัดดีครับ
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย ยังสบายดีกันทุกคนมั้ย เที่ยวสนุกมั้ย อย่าลืมเผื่อแม่กับน้องด้วยนะครับ
ทางนี้ก๊ปกติดีครับ เรียบร้อยดี ฝนฟ้าก๊ตกตามฤดูกาล อากาศก๊ร้อนสลับฝนบ้างเล๊กน้อย แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง อย่างที่พวกส่องเค้ขู่ ๆ กัน วันนี้แม่พาน้องตรัยไปพบ จิตแพทย์เด๊กในเรื่องของพัฒนาการที่ล่าช้า ก็ดีเหมือนกันเพราะทำให้ได้ข้อมูลอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่เราไม่ทราบและไม่เข้าใจ เพราะอาการบางอย่างก็ไม่สามารถปล่อยทิ้งไว้ได้ ต้องอาศัยการกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเรียนรุ้อย่างถูกต้อง และถูกวิธี เอาไว้ลูก ๆ กลับมาแล้วแม่จะคุยรายละเอียดให้ฟังนะครับ อาจจะต้องการความช่วยเหลือและการร่วมมือจากพวกลูก ด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่างที่แม่บอกกับทุก ๆ คนเสมอ ๆ ว่า น้องตรัยนั้นเป็นเด๊กพิเศษ ที่ยอมลงมาสอนและให้อะไร หลาย ๆ อย่างในชีวิตของแม่ตั่งแต่ตอนที่อยู่ในท้อง เพียงแต่ตัวแม่เองกลับประวิงเวลาที่จะต้องเรียนรู้ ไม่ยอมเสียสละความสุขตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง มาถึงก็ปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวมากมายอย่างที่แม่คิด แม่ฝัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง มันเกิดขึ้น ตามครรลองของมันไม่ว่าเราจะวิ่งหนีมันยังไงก๋ตาม ไม่รู้ว่าแม่พูด(เขียน)มากไปหรือเปล่า พี่กลางอย่าเพิ่งบ่นนะว่า แม่ก็คือแม่ ยังไงก็ต้องบ่น เอาเป็นว่า พวกลูก ๆ เที่ยวให้มีความสุข ให้สนุก กันทุกคนนะครับ แล้วจะได้กลับเล่าให้แม่ก็บน้องฟังด้วย แค่นี้นะครับ รักและคิดถึงครับ แม่+ตรัยน้อยผู้วิเศษ